ฟอสฟอรัสแดง
ฟอสฟอรัส (Phosphorus) เป็นธาตุอโลหะ
เลขอะตอม 15 สัญลักษณ์ P
ฟอสฟอรัสอยู่ในกลุ่มไนโตรเจน มีวาเลนซ์ ได้มาก
ปรากฏในหลายอัลโลโทรป พบทั้งในหินฟอสเฟต และเซลล์สิ่งมีชีวิตทุกเซลล์
(ในสารประกอบในดีเอ็นเอ) เนื่องจากสามารถทำปฏิกิริยาได้สูง
จึงไม่ปรากฏในรูปอิสระในธรรมชาติ
คำว่า ฟอสฟอรัส มาจากภาษากรีก แปลว่า 'ส่องแสง' และ 'นำพา' เพราะฟอสฟอรัสเรืองแสงอ่อนๆ
เมื่อมีออกซิเจน หรือมาจากภาษาละติน แปลว่า 'ดาวประกายพรึก'
ในขณะที่ภาษาไทยในสมัยก่อน เรียก ฟอสฟอรัส ว่า 'ฝาสุภเรศ'
ค้นพบประมาณปี 1669 โดยนักเล่นแร่แปรธาตุชาวเยอรมัน เฮนนิก แบรนด์
ค้นพบประมาณปี 1669 โดยนักเล่นแร่แปรธาตุชาวเยอรมัน เฮนนิก แบรนด์
ฟอสฟอรัสเป็นอโลหะอยู่ในหมู่ที่ VA หมู่เดียวกับธาตุไนโตรเจนในธรรมชาติไม่พบฟอสฟอรัสในรูปของธาตุอิสระ
แต่จะพบในรูปของสารประกอบฟอสเฟตที่สำคัญได้แก่หินฟอสเฟต หรือแคลเซียมฟอสเฟต (Ca2(PO4)2) ฟลูออไรอะปาไทต์ (Ca5F (PO4)3)
ฟอสฟอรัสแดง คือ
พอลิเมอร์ของฟอสฟอรัสขาว
เกิดจากการนำฟอสฟอรัสขาวมาเผาหรือทิ้งไว้นานๆเป็นผงสีแดงแก่ ไม่ละลายใน CS2หรือตัวทำละลายอินทรีย์ใดๆไม่ระเหย
ไม่เป็นพิษและไม่ว่องไวต่อปฏิกิริยาไม่สามรถลุกไหม้ได้เองที่อุณหภูมิต่ำกว่า 240 c สามารถระเหิดได้ที่อุณหภูมิประมาณ 420 c มีโครงสร้างแบบโครงตาข่าย ใช้ทำผิวกล่องไม้ขีดไฟ
สมบัติของฟอสฟอรัสแดง
1. เป็นของแข็งสีแดง เป็นรูปที่เสถียรกว่าฟอสฟอรัสขาว
2. มีจุดหลอมเหลว 590
C ที่ 43 บรรยากาศ
3. มีความหนาแน่น 2.34
g/cm3
4. ไม่นำไฟฟ้า
5. ไม่ละลายในน้ำและ CS2
6. ลุกไหม้ในอากาศที่อุณหภูมิ 250
C
ประโยชน์
ฟอสฟอรัสแดงใช้ในอุตสาหกรรมทำไม้ขีดไฟ ธูป ประทัด ระเบิดเพลิง หมอกควัน ใช้เตรียม P2O5 เพื่อใช้เป็นสารตั้งต้นในการเตรียมกรดฟอสฟอริก (H3PO4) ฟอสฟอรัสในรูปฟอสเฟตช่วยทำหน้าที่ ควบคุมความเป็นกรด- เบสในเลือดและของเหลวในร่างกายของสิ่งมีชีวิตใช้ทำปุ๋ยซุปเปอร์ฟอสเฟต Ca(H2PO4) 2 ใช้ทำสารฆ่าแมลงพวกออแกโน-ฟอสเฟต ซึ่งสลายตัวได้ง่าย ใช้ผสมในผงซักฟอกเพื่อช่วยกำจัดไอออนในน้ำกระด้าง ช่วยปรับสภาพความเป็นเบสของน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการซักล้างและยังช่วยจับกับสิ่งสกปรกอื่นไม่ให้กลับไปจับกับเสื้อผ้าได้อีก
![]() |
โครงสร้างฟอสฟอรัสแดง |
👉 การทำโมเดลฟอสฟอรัสแดง หากต้องการสร้างให้มีสมบัติ "สามารถติดไฟได้" เราจึงใช้อุปกรณ์ที่จะช่วยในการติดไฟได้ ต้องมีองค์ประกอบของไฟ ดังนี้
1.ออกซิเจน ( Oxygen
)ไม่ต่ำกว่า 16 % (ในบรรยากาศ ปกติจะมีออกซิเจนอยู่ประมาณ 21
%)
2.เชื้อเพลิง ( Fuel
) ส่วนที่เป็นไอ
(เชื้อเพลิงไม่มีไอ ไฟไม่ติด)
3.ความร้อน ( Heat
) เพียงพอทำให้เกิดการลุกไหม้
ไฟจะติดเมื่อองค์ประกอบครบ 3 อย่าง
ทำปฏิกิริยาทางเคมีต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ ( Chain Reaction)
ดังนั้นอุปกรณ์ที่จะช่วยในการติดไฟ คือ "แอลกอฮอล์" ซึ่งสามารถติดไฟได้ดี เพราะมีสมบัติทางเคมีดังนี้
-แอลกอฮอล์สามารถติดไฟได้ดี
ไม่มีเขม่าควันได้ผลิตภัณฑ์เป็นแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำเป็นปฏิกิริยาคายพลังงาน
วิธีการดับไฟมี 3 วิธี คือ
1.ทำให้อับอากาศ ขาดออกซิเจน
2.ตัดเชื้อเพลิง กำจัดเชื้อเพลิงให้หมดไป
3.ลดความร้อน ทำให้เย็นตัวลง ถ้าหากเราตัดองค์ประกอบของไฟอย่างใดอย่างหนึ่งออกไฟก็จะดับลงได้ ซึ่งควรดับให้สนิทเพราะเมื่อเวลาผ่านไปองค์ประกอบทั้ง3อย่างกับมารวมกันอีกครั้ง ไฟก็จะลุกขึ้นมาติดได้อีก
🔎🔎🔎
ขอบคุณข้อมูลจาก
1.https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%AA
2.http://www.kme10.com/mo4y2552/mo403/noname21.htm
1.https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%AA
2.http://www.kme10.com/mo4y2552/mo403/noname21.htm
3.http://www.satriwit3.ac.th/external_newsblog.php?links=1721
4.https://www.safe-t-cut-cm.com/องค์ประกอบของไฟมี3-อย่าง-2978.page
4.https://www.safe-t-cut-cm.com/องค์ประกอบของไฟมี3-อย่าง-2978.page
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น